1.3 ประเภทของการคิดเชิงสร้างสรรค์

การคิดเชิงสร้างสรรค์สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะและวิธีการคิด ซึ่งแต่ละประเภทสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดังนี้:

  1. การคิดเชิงนามธรรม (Abstract Thinking)
    การคิดเชิงนามธรรมหมายถึงการคิดที่ไม่ได้ยึดติดกับความจริงที่เห็นชัดเจน แต่ใช้ความคิดและจินตนาการในการสร้างภาพหรือแนวคิดที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ เช่น การวิเคราะห์แนวคิดทางปรัชญา หรือการออกแบบสิ่งที่ยังไม่มีอยู่จริง การคิดเชิงนามธรรมนี้ช่วยให้นักเรียนมองเห็นภาพรวมที่ซับซ้อนและสร้างแนวคิดที่แปลกใหม่

  2. การคิดเชิงศิลป์ (Artistic Thinking)
    การคิดเชิงศิลป์คือการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะหรือสิ่งที่มีความงาม เช่น การวาดภาพ การปั้น หรือการออกแบบสิ่งของต่าง ๆ นักเรียนที่มีการคิดเชิงศิลป์จะสามารถใช้จินตนาการในการสร้างผลงานที่ไม่ซ้ำกันและสื่อความรู้สึกหรือแนวคิดออกมาได้อย่างสร้างสรรค์

  3. การคิดเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Thinking)
    การคิดเชิงวิทยาศาสตร์เป็นการคิดเชิงสร้างสรรค์ที่อิงอยู่บนพื้นฐานของการตั้งคำถาม การสังเกต การทดลอง และการวิเคราะห์ นักเรียนที่คิดเชิงวิทยาศาสตร์จะมองหาวิธีการใหม่ ๆ ในการอธิบายปรากฏการณ์หรือแก้ไขปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เช่น การคิดค้นวิธีการประหยัดพลังงาน หรือการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์

  4. การคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking)
    การคิดเชิงนวัตกรรมคือการนำแนวคิดใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือวิธีการใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน นักเรียนที่มีการคิดเชิงนวัตกรรมจะสามารถมองเห็นโอกาสในการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของสังคม เช่น การออกแบบอุปกรณ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพ หรือการคิดค้นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  5. การคิดเชิงปฏิบัติ (Practical Thinking)
    การคิดเชิงปฏิบัติคือการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการหาวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน นักเรียนที่คิดเชิงปฏิบัติจะมองหาวิธีการปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น เช่น การออกแบบเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในงานต่าง ๆ หรือการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวันด้วยวิธีการที่ประหยัดและง่ายต่อการนำไปใช้