บทที่ 2: พื้นฐานการเขียนโปรแกรม
2.3 การเขียนโปรแกรมแบบลำดับ (Sequential Programming)
การเขียนโปรแกรมแบบลำดับ (Sequential Programming) เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรมพื้นฐานที่สุด ซึ่งหมายถึงการให้โปรแกรมทำงานตามลำดับจากบนลงล่าง โดยคำสั่งแต่ละคำสั่งจะถูกดำเนินการทีละขั้นตอนตามลำดับที่ปรากฏในโค้ด จนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดของโปรแกรม
หลักการของ Sequential Programming
- เริ่มต้นทำงานที่คำสั่งแรก: โปรแกรมจะเริ่มทำงานที่บรรทัดแรกของโค้ด
- ดำเนินการทีละคำสั่ง: แต่ละคำสั่งจะถูกดำเนินการทีละคำสั่งตามลำดับ
- ไม่มีการกระโดดข้าม: คำสั่งจะถูกดำเนินการต่อเนื่องตามลำดับโดยไม่มีการกระโดดข้ามไปยังส่วนอื่นของโปรแกรม ยกเว้นมีการใช้เงื่อนไขหรือ loop ในภายหลัง
- จบการทำงานเมื่อถึงจุดสิ้นสุด: โปรแกรมจะหยุดทำงานเมื่อทำงานเสร็จสิ้นตามลำดับทั้งหมดแล้ว
ตัวอย่างของ Sequential Programming
ลองดูตัวอย่างโค้ดง่าย ๆ ที่ใช้หลักการเขียนโปรแกรมแบบลำดับ:
# กำหนดตัวแปร
name = "Alice"
age = 14
# พิมพ์ข้อความออกหน้าจอ
print("Hello!")
print("My name is", name)
print("I am", age, "years old.")
การทำงานของโปรแกรมนี้:
- บรรทัดแรก: name = "Alice" โปรแกรมจะสร้างตัวแปร name และกำหนดค่าให้เป็น "Alice"
- บรรทัดที่สอง: age = 14 โปรแกรมจะสร้างตัวแปร age และกำหนดค่าให้เป็น 14
- บรรทัดที่สาม: print("Hello!") โปรแกรมจะพิมพ์ข้อความ "Hello!" ออกมาที่หน้าจอ
- บรรทัดที่สี่และห้า: โปรแกรมจะพิมพ์ข้อความตามลำดับที่เขียนไว้
ตัวอย่างที่ซับซ้อนขึ้น
ในตัวอย่างนี้ เราจะใช้การคำนวณและการกำหนดค่าตัวแปรเพิ่มขึ้น แต่ยังคงเป็นลำดับการทำงานแบบต่อเนื่อง:
# กำหนดค่าตัวแปร
x = 5
y = 10
# คำนวณผลลัพธ์และแสดงผล
sum_result = x + y
difference = y - x
print("Sum of x and y:", sum_result)
print("Difference between y and x:", difference)
การทำงานของโปรแกรมนี้:
- บรรทัดแรกและที่สอง: โปรแกรมจะกำหนดตัวแปร x และ y
- บรรทัดที่สามและสี่: โปรแกรมจะคำนวณผลรวมและผลต่างของ x และ y และเก็บค่าในตัวแปร sum_result และ difference
- บรรทัดที่ห้าและหก: โปรแกรมจะพิมพ์ค่าของ sum_result และ difference ออกมาที่หน้าจอ
ข้อดีของ Sequential Programming
ความง่ายในการเข้าใจ: โปรแกรมแบบลำดับเข้าใจง่าย เพราะทำงานแบบเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้ง่ายต่อการอ่านและการเขียนโค้ด
เหมาะสำหรับงานที่เป็นลำดับ: การเขียนโปรแกรมแบบนี้เหมาะสำหรับงานที่ไม่มีการตัดสินใจหรือการทำซ้ำ เช่น การคำนวณง่าย ๆ หรือการแสดงผลข้อความต่อเนื่อง
เป็นพื้นฐานสำหรับรูปแบบอื่น ๆ: Sequential Programming เป็นพื้นฐานสำคัญที่ใช้ในโปรแกรมที่ซับซ้อนกว่านี้ เช่น การใช้เงื่อนไขหรือการทำซ้ำ
ข้อจำกัดของ Sequential Programming
ไม่เหมาะสำหรับงานที่ซับซ้อน: หากโปรแกรมต้องการการตัดสินใจหรือการทำงานซ้ำ ๆ Sequential Programming ไม่เพียงพอ ควรใช้รูปแบบการเขียนโปรแกรมอื่น เช่น การใช้เงื่อนไข (Conditionals) หรือ loops
การแก้ไขข้อผิดพลาด: ในโปรแกรมที่ซับซ้อน การเขียนโปรแกรมแบบลำดับทั้งหมดอาจทำให้การค้นหาข้อผิดพลาดยากขึ้น
สรุป
Sequential Programming เป็นรูปแบบพื้นฐานของการเขียนโปรแกรม โดยคำสั่งต่าง ๆ จะถูกดำเนินการทีละขั้นตอนตามลำดับที่เขียนไว้ โปรแกรมลักษณะนี้เข้าใจง่ายและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเรียนรู้การเขียนโปรแกรม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่นำไปสู่การเรียนรู้รูปแบบการเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนขึ้นในอนาคต