บทที่ 2: พื้นฐานการเขียนโปรแกรม
2.1 Syntax ของ Python เบื้องต้น (โครงสร้างภาษา, เครื่องหมาย, ตัวแปร)
การเริ่มต้นเขียนโปรแกรมด้วย Python จำเป็นต้องเข้าใจ syntax หรือ โครงสร้างภาษา ของ Python ซึ่งเป็นกฎที่กำหนดว่าโค้ดต้องเขียนอย่างไรถึงจะสามารถรันและทำงานได้อย่างถูกต้อง บทเรียนนี้จะครอบคลุมถึงโครงสร้างภาษา เครื่องหมายสำคัญ ๆ และการใช้ตัวแปรใน Python
โครงสร้างของภาษา Python (Syntax)
Python มีความโดดเด่นในเรื่องของโครงสร้างภาษา (syntax) ที่เรียบง่ายและอ่านง่าย ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างจากภาษาโปรแกรมอื่น ๆ ดังนี้:
- Indentation (การเยื้องบรรทัด):
- ใน Python การเยื้องบรรทัด (indentation) ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างภาษา ตัวอย่างเช่น การเขียนโปรแกรมในบล็อกคำสั่งเช่น loop หรือเงื่อนไขต้องใช้การเยื้องบรรทัดอย่างถูกต้อง
- ตัวอย่างการใช้การเยื้องบรรทัด:
if True:
print("This is indented")
- คำสั่งจบใน Python:
- ใน Python ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมาย ; เพื่อจบประโยคเหมือนภาษาอื่น ๆ เช่น C++ หรือ Java แต่ละคำสั่งจะจบลงเมื่อสิ้นสุดบรรทัด
- ตัวอย่าง:
print("Hello, World!")
- การใช้เครื่องหมาย Colon (:):
- เครื่องหมายโคลอน (:) ใช้ในการระบุจุดเริ่มต้นของบล็อกคำสั่ง เช่นในเงื่อนไข (if) และ loops (for, while)
- ตัวอย่าง:
if True:
print("This is inside the if block")
เครื่องหมายสำคัญใน Python
- เครื่องหมายเท่ากับ (=):
- ใช้ในการกำหนดค่าให้กับตัวแปร
- ตัวอย่าง:
x = 5
name = "Alice"
- เครื่องหมายบวก (+):
- ใช้สำหรับการบวกตัวเลขหรือการต่อสตริง (string concatenation)
- ตัวอย่าง:
result = 3 + 5
full_name = "Alice" + " " + "Smith"
- เครื่องหมายลบ (-), คูณ (*), หาร (/):
- ใช้สำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์
- ตัวอย่าง:
difference = 10 - 2
product = 4 * 5
quotient = 20 / 4
- เครื่องหมายเท่ากับ (==):
- ใช้เปรียบเทียบว่าค่าสองค่ามีค่าเท่ากันหรือไม่
- ตัวอย่าง:
if x == 5:
print("x is 5")
- เครื่องหมายเปรียบเทียบอื่น ๆ:
- มากกว่า >, น้อยกว่า <, มากกว่าหรือเท่ากับ >=, น้อยกว่าหรือเท่ากับ <=, ไม่เท่ากับ !=
- ตัวอย่าง:
if age >= 18:
print("You are an adult")
การใช้ตัวแปรใน Python
ตัวแปรเป็นส่วนสำคัญของการเขียนโปรแกรม เพราะตัวแปรจะเก็บข้อมูลที่เราต้องการนำมาใช้งานในโปรแกรม ข้อมูลนี้อาจเป็นตัวเลข ข้อความ หรือข้อมูลประเภทอื่น ๆ
- การกำหนดตัวแปร (Variable Assignment):
- ตัวแปรใน Python ไม่จำเป็นต้องประกาศประเภทข้อมูลล่วงหน้า (เช่น int, string) แต่สามารถกำหนดค่าได้ทันทีโดยใช้เครื่องหมายเท่ากับ (=)
- ตัวอย่าง:
x = 10
name = "Alice"
- ประเภทข้อมูล (Data Types):
- ตัวเลข (Numbers): เช่น int และ float
age = 15
height = 5.7 - สตริง (Strings): ข้อความที่ถูกครอบด้วยเครื่องหมายคำพูดเดียว (') หรือคำพูดคู่ (")
name = "Alice"
greeting = 'Hello, World!' - บูลีน (Booleans): ตัวแปรที่มีค่าเป็น True หรือ False
is_student = True
- ตัวเลข (Numbers): เช่น int และ float
- การตั้งชื่อตัวแปร:
- ตัวแปรสามารถตั้งชื่อได้อย่างอิสระ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎการตั้งชื่อ เช่น ห้ามเริ่มต้นด้วยตัวเลข ห้ามมีช่องว่าง และห้ามใช้คีย์เวิร์ดของ Python
- ตัวอย่างที่ถูกต้อง:
student_name = "Bob"
student_age = 12
- การพิมพ์ค่าตัวแปรออกมา (Printing Variables):
- การพิมพ์ค่าตัวแปรใช้คำสั่ง print() เพื่อแสดงผลลัพธ์ใน terminal หรือ console
- ตัวอย่าง:
x = 10
print(x)
name = "Alice"
print("My name is", name)
ตัวอย่างโปรแกรมง่าย ๆ
ลองมาดูตัวอย่างโปรแกรมง่าย ๆ ที่ใช้ตัวแปรและเครื่องหมายต่าง ๆ:
# กำหนดค่าตัวแปร
name = "Alice"
age = 14
# แสดงผลข้อมูลที่เก็บในตัวแปร
print("Hello, my name is", name)
print("I am", age, "years old.")
# การคำนวณทางคณิตศาสตร์
x = 5
y = 10
sum = x + y
print("Sum of x and y is:", sum)
# การเปรียบเทียบ
if age >= 13:
print("You are a teenager!")
else:
print("You are still a child.")
สรุป
การเข้าใจโครงสร้างภาษา Python (syntax) และการใช้เครื่องหมายต่าง ๆ เป็นพื้นฐานสำคัญในการเขียนโปรแกรม การเรียนรู้วิธีการใช้ตัวแปรและการเขียนโค้ดที่ถูกต้องตามกฎของ Python จะช่วยให้คุณพัฒนาโปรแกรมที่มีความซับซ้อนมากขึ้นได้ในอนาคต