บทที่ 1: ทำความรู้จักกับ Python

1.2 ติดตั้ง Python และการตั้งค่า environment

ก่อนที่เราจะเริ่มเขียนโปรแกรมด้วย Python เราต้องติดตั้ง Python บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราก่อน พร้อมกับตั้งค่า environment เพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนาโปรแกรมจะทำงานได้อย่างราบรื่น บทเรียนนี้จะสอนวิธีการติดตั้ง Python และการตั้งค่า environment เพื่อให้พร้อมสำหรับการเขียนโค้ด

ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลด Python
  1. เปิดเว็บเบราว์เซอร์และไปที่เว็บ Python.org
  2. ดาวน์โหลดเวอร์ชัน Python ล่าสุดที่เข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการของคุณ (เช่น Windows, macOS, หรือ Linux)
  3. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ให้เปิดไฟล์ติดตั้ง Python ที่ดาวน์โหลดมา
ขั้นตอนที่ 2: ติดตั้ง Python บน Windows
  1. เปิดไฟล์ติดตั้ง Python บนเครื่อง Windows ของคุณ
  2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือก "Add Python to PATH" (เพื่อให้สามารถเรียกใช้ Python จาก command prompt ได้)
  3. คลิกที่ "Install Now" เพื่อติดตั้ง Python ลงบนระบบ
  4. หลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้น คลิกที่ปุ่ม "Close"
ขั้นตอนที่ 3: ติดตั้ง Python บน macOS
  1. เปิดไฟล์ติดตั้ง Python ที่ดาวน์โหลดมา
  2. ทำตามขั้นตอนการติดตั้ง โดยคลิกผ่านหน้าต่างคำแนะนำต่าง ๆ จนกระทั่งการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์
  3. เมื่อการติดตั้งเสร็จแล้ว คุณสามารถเรียกใช้ Python ได้จาก terminal โดยพิมพ์คำสั่ง:

python3 --version
เพื่อดูว่าติดตั้ง Python เรียบร้อยแล้วหรือไม่

ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบการติดตั้ง Python

หลังจากที่ติดตั้ง Python เสร็จแล้ว เราจะตรวจสอบว่า Python ติดตั้งสำเร็จและพร้อมใช้งาน:

  1. เปิด command prompt (สำหรับ Windows) หรือ terminal (สำหรับ macOS/Linux)
  2. พิมพ์คำสั่ง:

python --version

หรือ

python3 --version
ผลลัพธ์ควรแสดงเวอร์ชันของ Python ที่คุณติดตั้ง หากคุณเห็นหมายเลขเวอร์ชัน แสดงว่า Python ติดตั้งสำเร็จ

ขั้นตอนที่ 5: ติดตั้ง Virtual Environment

การสร้าง Virtual Environment ช่วยให้เราสามารถแยกโปรเจกต์แต่ละโปรเจกต์ออกจากกัน โดยไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้งของ library และ dependencies ต่าง ๆ เราจะใช้ venv ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับสร้าง virtual environment ที่มาพร้อมกับ Python

  1. เปิด command prompt หรือ terminal
  2. ไปที่โฟลเดอร์โปรเจกต์ของคุณ โดยใช้คำสั่ง:
    cd path/to/project/folder
  3. สร้าง virtual environment ด้วยคำสั่ง:
    python -m venv venv

    หรือ (สำหรับบางระบบ)
    python3 -m venv venv

    คำสั่งนี้จะสร้างโฟลเดอร์ชื่อ venv ซึ่งเป็นที่เก็บ environment ของ Python สำหรับโปรเจกต์ของคุณ
ขั้นตอนที่ 6: การใช้งาน Virtual Environment

หลังจากที่สร้าง virtual environment เสร็จแล้ว เราต้อง activate เพื่อเริ่มใช้งาน:

Windows:
.\venv\Scripts\activate

macOS/Linux:
source venv/bin/activate

เมื่อ activate สำเร็จ prompt ของคุณจะเปลี่ยนเป็นชื่อ environment เช่น venv ที่จะแสดงอยู่ด้านหน้าของ command prompt

ขั้นตอนที่ 7: ติดตั้งไลบรารี (Libraries)

เมื่อเราใช้ virtual environment แล้ว เราสามารถติดตั้งไลบรารีที่ต้องการได้โดยใช้คำสั่ง pip เช่น:

pip install library_name

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการติดตั้งไลบรารี flask สำหรับการพัฒนาเว็บ คุณสามารถใช้คำสั่ง:

pip install flask

ขั้นตอนที่ 8: ปิด Virtual Environment

เมื่อคุณเสร็จสิ้นการทำงานใน environment แล้ว คุณสามารถปิดการใช้งานได้โดยพิมพ์คำสั่ง:

deactivate

สรุป

การติดตั้ง Python และการตั้งค่า environment เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้โปรเจกต์ของคุณทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ การใช้ virtual environment ยังช่วยให้คุณจัดการ dependencies ของแต่ละโปรเจกต์ได้อย่างแยกกัน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการขัดแย้งของ library ในอนาคต