บทที่ 2: พื้นฐานการเขียนโปรแกรม
2.2 การใช้ตัวแปรและประเภทข้อมูล (เช่น ตัวเลข, สตริง, บูลีน)
การใช้ตัวแปรและการทำงานกับประเภทข้อมูล (Data Types) เป็นพื้นฐานสำคัญในการเขียนโปรแกรม ในบทเรียนนี้ เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างและการใช้งานตัวแปร รวมถึงประเภทข้อมูลหลัก ๆ ที่พบได้บ่อยใน Python ได้แก่ ตัวเลข (Numbers), สตริง (Strings), และบูลีน (Booleans)
1. การใช้ตัวแปรใน Python
ตัวแปร (Variables) คือที่เก็บข้อมูลที่เราสามารถนำมาใช้งานและเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง ใน Python การสร้างตัวแปรไม่จำเป็นต้องระบุประเภทข้อมูลล่วงหน้า Python จะกำหนดประเภทข้อมูลให้โดยอัตโนมัติตามค่าที่กำหนด
การสร้างตัวแปร
การสร้างตัวแปรใน Python ใช้เครื่องหมายเท่ากับ (=) เพื่อกำหนดค่าให้กับตัวแปร:
name = "Alice" # สตริง
age = 14 # จำนวนเต็ม (integer)
height = 5.7 # ทศนิยม (float)
is_student = True # บูลีน (boolean)
ในตัวอย่างนี้:
- name เก็บข้อความ ("Alice")
- age เก็บตัวเลขจำนวนเต็ม (14)
- height เก็บตัวเลขทศนิยม (5.7)
- is_student เก็บค่าบูลีน (True)
2. ประเภทข้อมูลหลักใน Python
2.1 ตัวเลข (Numbers)
ประเภทข้อมูลตัวเลขใน Python แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:
- จำนวนเต็ม (Integers): ใช้สำหรับเก็บค่าตัวเลขที่ไม่มีทศนิยม เช่น 10, -5
- ทศนิยม (Floating Point Numbers): ใช้สำหรับเก็บตัวเลขที่มีทศนิยม เช่น 3.14, -0.01
- ตัวอย่างการใช้งาน:
x = 10 # จำนวนเต็ม
y = 3.14 # ทศนิยม
result = x + y # การคำนวณระหว่างตัวเลข
print(result) # ผลลัพธ์: 13.14
2.2 สตริง (Strings)
สตริง คือข้อความที่ประกอบด้วยตัวอักษรหลายตัวและถูกครอบด้วยเครื่องหมายคำพูดเดียว (') หรือคำพูดคู่ ("):
greeting = "Hello, World!"
name = 'Alice'
คุณสามารถใช้เครื่องหมายคำพูดเดียวหรือคู่ได้ตามสะดวก โดยไม่มีความแตกต่างในการทำงาน
การดำเนินการกับสตริง:
- การต่อสตริง:
full_name = "Alice" + " " + "Smith"
print(full_name) # ผลลัพธ์: Alice Smith - การเข้าถึงตัวอักษรในสตริง (indexing):
first_letter = greeting[0]
print(first_letter) # ผลลัพธ์: H
2.3 บูลีน (Booleans)
บูลีน คือประเภทข้อมูลที่มีค่าเพียงสองค่าเท่านั้น คือ True และ False ใช้ในการตัดสินใจหรือการตรวจสอบเงื่อนไขในโปรแกรม:
is_raining = False
is_sunny = True
ค่าบูลีนมักถูกใช้ในการควบคุม flow ของโปรแกรม เช่นในเงื่อนไข:
if is_sunny:
print("It's a sunny day!")
else:
print("It's not sunny.")
3. การแปลงประเภทข้อมูล (Type Casting)
ในบางครั้งคุณอาจต้องการแปลงประเภทข้อมูลเพื่อทำงานร่วมกันได้ เช่น การแปลงตัวเลขเป็นสตริงหรือสตริงเป็นตัวเลข การแปลงประเภทข้อมูลใน Python ทำได้ง่ายด้วยฟังก์ชันต่อไปนี้:
- int(x) - แปลงค่า x ให้เป็นจำนวนเต็ม
- float(x) - แปลงค่า x ให้เป็นทศนิยม
- str(x) - แปลงค่า x ให้เป็นสตริง
ตัวอย่าง:
age = 14
age_str = str(age) # แปลงจำนวนเต็มเป็นสตริง
height_str = str(5.7) # แปลงทศนิยมเป็นสตริง
print("Age: " + age_str + ", Height: " + height_str)
4. การตรวจสอบประเภทข้อมูล (Type Checking)
คุณสามารถตรวจสอบประเภทของตัวแปรหรือข้อมูลได้โดยใช้ฟังก์ชัน type():
x = 10
print(type(x)) # ผลลัพธ์: <class 'int'>
สรุป
ในบทเรียนนี้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ตัวแปรและประเภทข้อมูลหลักใน Python การเข้าใจประเภทข้อมูลต่าง ๆ เช่น ตัวเลข สตริง และบูลีน เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถจัดการข้อมูลและพัฒนาโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เรายังได้รู้จักวิธีการแปลงและตรวจสอบประเภทข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ใช้บ่อยในโปรแกรมมิ่งค่ะ