บทที่ 10: การทดสอบและปรับปรุงเกม

เมื่อเราพัฒนาเกมเสร็จสิ้นแล้ว การทดสอบเกม (Testing) และการปรับปรุง (Optimization) เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าเกมทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่มีข้อบกพร่อง และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เล่น ในบทนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการทดสอบและปรับปรุงเกมใน Unity เพื่อให้เกมมีคุณภาพสูงสุดก่อนการเปิดตัว


การทดสอบเกม

การทดสอบเกม เป็นกระบวนการที่ใช้ตรวจสอบว่าเกมทำงานได้ตามที่คาดหวังหรือไม่ รวมถึงการค้นหาข้อบกพร่อง (Bugs) ที่อาจเกิดขึ้น ใน Unity เราสามารถทดสอบเกมได้โดยตรงจาก Play Mode แต่การทดสอบยังครอบคลุมถึงการตรวจสอบการเล่นในสถานการณ์ต่าง ๆ อีกด้วย

ขั้นตอนการทดสอบเกมใน Unity

  1. คลิกปุ่ม Play ที่ด้านบนของ Unity Editor เพื่อเริ่มการทดสอบเกม
  2. ลองเล่นเกมทุกฟังก์ชัน เช่น การเคลื่อนไหวของตัวละคร การโต้ตอบกับวัตถุ และการเปลี่ยนฉาก
  3. ใช้คอนโซล (Console) เพื่อตรวจสอบว่ามีข้อผิดพลาดหรือคำเตือนใด ๆ ปรากฏขึ้นหรือไม่ คอนโซลจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการแก้ไขข้อบกพร่องได้อย่างดี

การทดสอบเกมบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ หลังจากทดสอบใน Unity Editor แล้ว ควรทดสอบเกมในแพลตฟอร์มที่ตั้งใจจะเผยแพร่ เช่น Windows, Android, iOS หรือ WebGL เราสามารถส่งออก (Build) เกมไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ดังนี้:

  1. ไปที่ File > Build Settings
  2. เลือกแพลตฟอร์มที่ต้องการทดสอบ เช่น PC, Mac & Linux Standalone สำหรับการทดสอบบนคอมพิวเตอร์ หรือ Android สำหรับอุปกรณ์มือถือ
  3. คลิก Build เพื่อสร้างไฟล์สำหรับการทดสอบบนแพลตฟอร์มที่เลือก

การทดสอบโดยผู้เล่นจริง การทดสอบโดยทีมพัฒนาอาจไม่สามารถครอบคลุมทุกสถานการณ์ได้ ดังนั้น การทดสอบโดยผู้เล่นจริงหรือที่เรียกว่า Beta Testing เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญ เราสามารถเผยแพร่เกมเวอร์ชันทดสอบให้กับกลุ่มผู้เล่นที่เลือกและขอให้พวกเขาทดลองเล่นเพื่อหาข้อบกพร่องหรือให้ข้อเสนอแนะ (Feedback)


การปรับปรุงเกม (Optimization)

การปรับปรุงเกม เป็นการทำให้เกมทำงานได้ดีขึ้น ราบรื่นขึ้น โดยเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ที่มีสเปกต่ำหรืออินเทอร์เน็ตช้าสำหรับเกมออนไลน์ การปรับปรุงที่ดีจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรเครื่อง เช่น ซีพียู, การ์ดจอ, และหน่วยความจำ ใน Unity มีวิธีหลายแบบที่ช่วยปรับปรุงเกมให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

การปรับปรุงประสิทธิภาพของกราฟิก กราฟิกเป็นส่วนที่ใช้ทรัพยากรเครื่องค่อนข้างมาก การปรับปรุงประสิทธิภาพของกราฟิกจะช่วยให้เกมทำงานได้ราบรื่นบนเครื่องที่สเปกต่ำ

  1. ลดขนาดของ Texture: Texture ที่มีขนาดใหญ่จะใช้หน่วยความจำมาก เราสามารถลดขนาดของ Texture ได้โดยไปที่ Inspector ของ Texture นั้น ๆ และปรับลดขนาดในฟิลด์ Max Size
  2. ใช้ LOD (Level of Detail): สำหรับเกม 3D เราสามารถใช้ LOD เพื่อลดรายละเอียดของโมเดล 3D เมื่อผู้เล่นอยู่ไกลจากวัตถุ วิธีนี้จะช่วยลดภาระของการ์ดจอได้
  3. ลดจำนวนแสง (Lights): การใช้แสงน้อยลงในฉากจะช่วยลดภาระในการคำนวณของเกม เราสามารถใช้ Baked Lighting แทนแสงจริงเพื่อประหยัดทรัพยากร

การปรับปรุงการประมวลผล

  1. ลดการคำนวณซ้ำซ้อนในโค้ด: ตรวจสอบโค้ดเพื่อหาฟังก์ชันที่ถูกเรียกซ้ำ ๆ โดยไม่จำเป็น หรือคำนวณที่ทำให้โปรแกรมช้าลง เราสามารถลดการคำนวณเหล่านี้โดยใช้การเก็บค่าล่าสุดไว้ในตัวแปรแทนที่จะคำนวณใหม่ทุกครั้ง
  2. ใช้ Object Pooling: เมื่อมีการสร้างและทำลายวัตถุบ่อย ๆ เช่น กระสุนในเกมยิง เราสามารถใช้ Object Pooling เพื่อเก็บวัตถุเหล่านี้ไว้ใช้ซ้ำ ซึ่งจะช่วยลดภาระการสร้างวัตถุใหม่
  3. ตรวจสอบการใช้ Physics: การประมวลผลฟิสิกส์ (Physics) ใน Unity จะใช้ทรัพยากรมาก เราควรตรวจสอบว่าการตั้งค่าฟิสิกส์ถูกต้อง เช่น การลดความถี่ของการตรวจจับการชน (Collision Detection) ที่ไม่จำเป็น

การจัดการหน่วยความจำ (Memory Management) การจัดการหน่วยความจำที่ดีจะช่วยให้เกมไม่เกิดอาการกระตุกหรือหยุดทำงาน (Crash) โดยเฉพาะเมื่อเกมมีขนาดใหญ่

  1. ลบวัตถุที่ไม่ใช้งาน: เราควรลบวัตถุที่ไม่ได้ใช้งานในเกมเพื่อประหยัดหน่วยความจำ โดยใช้ Destroy() เมื่อวัตถุไม่จำเป็นต้องใช้งานอีกต่อไป
  2. ลดขนาดไฟล์เสียงและวิดีโอ: เสียงและวิดีโอที่มีขนาดใหญ่จะใช้หน่วยความจำมาก ควรใช้ไฟล์ที่มีขนาดเล็กและเหมาะสมกับการใช้งานในเกม
  3. การใช้ Garbage Collection: Unity มีระบบจัดการหน่วยความจำที่เรียกว่า Garbage Collection ซึ่งจะช่วยจัดการหน่วยความจำที่ไม่ได้ใช้งาน แต่บางครั้งอาจทำให้เกมกระตุกได้ ควรทดสอบและปรับโค้ดให้เกิดการสร้างหน่วยความจำน้อยที่สุด

การทดสอบการเล่นของผู้เล่น (Gameplay Testing)

การทดสอบการเล่นเกม คือการทดสอบเพื่อดูว่าการเล่นเกมสนุกและสมดุลหรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบว่าระดับความยาก (Difficulty) ของเกมเหมาะสมกับผู้เล่นหรือไม่ โดยทั่วไปเราจะทดสอบการเล่นเกมเพื่อดูว่า:

  1. เกมมีความสนุกและดึงดูดใจ: ผู้เล่นสามารถสนุกกับการเล่นเกมหรือไม่? ฉากต่าง ๆ มีความน่าสนใจและท้าทายหรือไม่?
  2. การควบคุมเกมตอบสนองได้ดี: การควบคุมตัวละครในเกมลื่นไหลและตอบสนองทันทีหรือไม่? ไม่มีความล่าช้า (Lag) ระหว่างการกดปุ่มและการเคลื่อนไหวของตัวละคร
  3. ความสมดุลของเกม: การทดสอบระดับความยากของเกม เช่น ด่านที่ง่ายเกินไปหรือยากเกินไป ควรปรับให้มีความท้าทายที่เหมาะสมกับผู้เล่น

Free Joomla templates by Ltheme