บทที่ 3: การใช้ฟังก์ชันและบล็อกเงื่อนไข
1. ความเข้าใจพื้นฐานของฟังก์ชัน (Functions)
ฟังก์ชัน (Functions) ใน Hopscotch เป็นชุดของบล็อกคำสั่งที่เราสามารถรวมเข้าด้วยกันเป็นกลุ่มเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้งานซ้ำ ฟังก์ชันช่วยให้โค้ดสะอาด เรียบง่าย และช่วยลดความซับซ้อนเมื่อโปรแกรมมีคำสั่งที่ต้องทำซ้ำบ่อย ๆ นักเรียนสามารถสร้างฟังก์ชันเพื่อใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของโครงการได้
ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน:
หากคุณต้องการให้ตัวละครทำการเคลื่อนไหวเป็นลำดับ เช่น เดินไปข้างหน้า หมุน แล้วเดินกลับมา คุณสามารถสร้างฟังก์ชันที่รวมคำสั่งทั้งหมดนี้ไว้ แล้วเรียกใช้งานเมื่อจำเป็น
ขั้นตอนการสร้างฟังก์ชัน:
- ไปที่แถบเครื่องมือและเลือก "Create New Ability" (สร้างความสามารถใหม่)
- ตั้งชื่อฟังก์ชันตามที่ต้องการ เช่น "Move and Turn"
- ลากบล็อกคำสั่งที่ต้องการใส่ในฟังก์ชัน เช่น "Move Forward" และ "Turn Left"
- เมื่อสร้างเสร็จ คุณสามารถลากฟังก์ชันนี้ไปวางในโครงการเพื่อเรียกใช้งานซ้ำได้ตลอดเวลา
2. การประยุกต์ใช้ฟังก์ชันในโครงการ
ฟังก์ชันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการลดจำนวนบล็อกคำสั่งที่ซ้ำซ้อน คุณสามารถสร้างฟังก์ชันสำหรับการทำงานที่ใช้ซ้ำบ่อย ๆ เช่น การเคลื่อนไหวของตัวละคร หรือการทำแอนิเมชันซ้ำ ฟังก์ชันทำให้โค้ดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยลดความซับซ้อน
ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชันในเกม:
หากคุณต้องการให้ตัวละครหมุน 90 องศาหลังจากเก็บเหรียญทุกครั้ง คุณสามารถสร้างฟังก์ชัน "Turn After Collecting Coin"
- สร้างฟังก์ชัน "Turn After Collecting Coin"
- ใส่บล็อก "Turn Right" และตั้งค่าเป็น 90 องศา
- เรียกใช้ฟังก์ชันนี้ทุกครั้งที่ตัวละครเก็บเหรียญ
3. ความเข้าใจพื้นฐานของบล็อกเงื่อนไข (Conditionals)
บล็อกเงื่อนไข (Conditionals) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้โปรแกรมสามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรต่อไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บล็อกเงื่อนไขที่สำคัญคือบล็อก "If-Else" ซึ่งใช้เพื่อตรวจสอบว่าคำสั่งนั้นเป็นจริง (True) หรือไม่ ถ้าเป็นจริงจะทำงานตามที่กำหนดไว้ในส่วน If แต่ถ้าไม่เป็นจริงก็จะทำงานในส่วน Else
ตัวอย่างการใช้บล็อก If-Else:
หากคุณต้องการให้ตัวละครหยุดเดินเมื่อชนกับกำแพง คุณสามารถใช้บล็อก If-Else เพื่อตรวจสอบว่า ถ้าตัวละครชนกับกำแพง ให้หยุด แต่ถ้าไม่ชน ให้เดินต่อไป
ขั้นตอนการใช้บล็อก If-Else:
- ลากบล็อก "If Else" มาวางในพื้นที่การทำงาน
- ตั้งเงื่อนไขว่า "If touching edge" (ถ้าชนกับขอบฉาก)
- ใส่บล็อก "Stop Moving" ในส่วน If
- ใส่บล็อก "Move Forward" ในส่วน Else เพื่อให้ตัวละครเดินต่อไปถ้าไม่ชน
4. การประยุกต์ใช้บล็อกเงื่อนไขในเกมและแอนิเมชัน
บล็อกเงื่อนไขสามารถนำมาใช้ในหลายสถานการณ์เพื่อเพิ่มความซับซ้อนให้กับโปรเจกต์ เช่น การสร้างเกมที่ตัวละครต้องเลือกทิศทางเดิน หรือการตั้งเงื่อนไขให้ตัวละครกระโดดเมื่อผู้เล่นกดปุ่ม
ตัวอย่างการใช้บล็อกเงื่อนไขในเกม:
คุณสามารถใช้บล็อก If-Else เพื่อให้ตัวละครตัดสินใจว่าจะเดินทางไหน เมื่อผู้เล่นกดปุ่มซ้ายหรือตัวละครชนกับสิ่งกีดขวาง
- ใช้บล็อก "If Left Arrow is Tapped" เพื่อตั้งเงื่อนไขให้ตัวละครเดินไปทางซ้ายเมื่อกดปุ่มซ้าย
- ใช้บล็อก "If touching object" เพื่อตั้งเงื่อนไขให้ตัวละครหลบอุปสรรคเมื่อชนกับสิ่งกีดขวาง
5. การใช้ฟังก์ชันและบล็อกเงื่อนไขร่วมกัน
ฟังก์ชันและบล็อกเงื่อนไขสามารถทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความซับซ้อนในโครงการได้ คุณสามารถใช้ฟังก์ชันในการจัดการงานที่ซ้ำซ้อนและใช้บล็อกเงื่อนไขในการตัดสินใจตามสถานการณ์ต่าง ๆ
ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชันและบล็อกเงื่อนไขร่วมกัน:
- สร้างฟังก์ชัน "Collect Coin" เพื่อเก็บเหรียญและเพิ่มคะแนน
- ใช้บล็อก If-Else ในฟังก์ชันเพื่อตรวจสอบว่าถ้าตัวละครชนเหรียญ ให้เพิ่มคะแนน แต่ถ้าไม่ชนให้ทำอย่างอื่น
- เรียกใช้ฟังก์ชันนี้ในสถานการณ์ที่ตัวละครชนเหรียญเพื่อให้โค้ดของคุณสะอาดและเรียบร้อย
6. สิ่งที่ควรคำนึงถึง
การใช้ฟังก์ชันและบล็อกเงื่อนไขเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้โปรเจกต์มีความยืดหยุ่นและซับซ้อน การจัดการลำดับของบล็อกเงื่อนไขและการใช้งานฟังก์ชันควรมีการวางแผนให้ดี เพื่อให้โปรแกรมทำงานได้ตามที่ต้องการและง่ายต่อการปรับปรุงในอนาคต
ในบทนี้ นักเรียนได้เรียนรู้วิธีการใช้ฟังก์ชันและบล็อกเงื่อนไขใน Hopscotch ฟังก์ชันช่วยให้สามารถจัดการกับการทำงานซ้ำ ๆ ได้ง่ายขึ้น และบล็อกเงื่อนไขช่วยให้โครงการมีความยืดหยุ่นและสามารถตัดสินใจตามสถานการณ์ได้ ในบทต่อไป นักเรียนจะได้เรียนรู้การใช้เสียงและการสัมผัสเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการ